ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

โลกนี้ปัจจุบันมีอยู่กี่ศาสนาและศาสนาใดคนนับถือมากที่สุด?

   

 

          ศาสนาในโลกนี้ปัจจุบันมีอยู่กี่ศาสนาและศาสนาใดคนนับถือมากที่สุด?

                ศาสนา หมายถึง ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งเหนือธรรมชาติ ในหลักอภิปรัชญาว่าทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นมาดำรงอยู่และจะเป็นเช่นไรต่อไป มีหลักการ สถาบัน หรือประเพณี ที่เป็นที่เคารพโดยทั่วไป แล้วอาจกล่าวได้ว่า ศาสนาเป็นสิ่งที่ควบคุม และประสานความสัมพันธ์ของมนุษย์ ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข คือ ให้มีหลักการ ค่านิยม วัฒนธรรมร่วมกันและวิถีทางที่มนุษย์เลือกใช้ในการดำรงชีวิต ให้สังคมเป็นหนึ่งเดียวกัน มีแนวทางไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยหลักจริยธรรม คุณธรรม ศิลธรรมที่เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน
สำหรับประเทศไทย ประชาชนมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา โดยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภ์ทุกศาสนา ศาสนาสำคัญ และมีคนนับถือมากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์
นอกจากการนับถือศาสนาแล้ว ยังมีความเชื่อไม่นับถือศาสนาด้วย เรียก "อศาสนา" (อังกฤษ: irreligion) และผู้ไม่นับถือศาสนาเรียก "อศาสนิก" (อังกฤษ: irreligious person)

              ศาสนา ในโลกนี้มีอยู่ด้วยกันหลายศาสนา ที่เสื่อมความนิยมและสูญหายไปแล้วก็มีอยู่มากมายหลายศาสนาเช่นกัน ที่ยังได้รับการนับถือและศรัทธาอยู่ในปัจจุบัน โดยหลักๆแล้วมีอยู่ประมาณ ๘ ศาสนา ดังนี้
๑.     ศาสนาคริสต์มีผู้นับถือประมาณ ๒,๑๐๐ ล้านคน
๒.     ศาสนาอิสลาม มีผู้นับถืออยู่ประมาณ ๑,๓๐๐ ล้านคน
๓.     ศาสนาฮินดู มีผู้นับถือประมาณ ๘๒๐ ล้านคน
๔.     ศาสนาพุทธ มีผู้นับถือประมาณ ๓๖๐ ล้านคน
๕.     ศาสนาซิกข์ มีผู้นับถือประมาณ ๒๓ ล้านคน๖.     ศาสนายูดายหรือศาสนายิว มีผู้นับถือประมาณ ๑๔ ล้านคน
๗.     ศาสนาบาไฮ มีผู้นับถือประมาณ ๗ ล้านคน
๘.    ศาสนาเชน มีผู้นับถือประมาณ ๔ ล้านคน
               
                ความเชื่อของศาสนาต่างๆนี้มีแตกต่างกัน บ้างก็เชื่อในพระเจ้าหลายองค์ หรือที่เรียกว่า “พหุเทวนิยม” ความเชื่อในพระเจ้าหลายองค์นี้ในยุคสมัยโบราณนั้นมีอยู่มากมายหลายศาสนา เช่น ศาสนาของชาวกรีกและชาวโรมันโบราณ หรือ ศาสนาโบราณของชาวพื้นเมืองตามทวีปต่างๆทั่วโลกก็เชื่อกันว่ามีพระจ่าหลายองค์ร่วมกันสร้างโลกและสรรพสิ่งขึ้น แต่ศาสนาและความเชื่อของคนโบราณเหล่านั้นก็ค่อยๆจางหายไปกับอารยธรรมต่างๆในโลกนี้ที่เริ่มมีความก้าวหน้าขึ้น ยกเว้นเพียงศาสนาเดียว ที่ยังคงยืนยงในศรัทธาของผู้นับถือศาสนานี้ นั่นก็คือศาสนาฮินดู หรือที่เรียกอีกอย่างว่าศาสนาพราหมณ์ ซึ่งส่วนใหญ่นับถือกันอยู่ในหมู่ชาวอินเดีย สำหรับศาสนาที่เชื่อในพระเจ้าเพียงองค์เดียว หรือ “เอกเทวนิยม” นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายศาสนา เช่น ศาสนาคริสต์ อิสลาม ยูดาย ซิกข์ และบาไฮ ส่วนศาสนาที่ไม่เชื่อเรื่องของพระเจ้าเลยหรือที่เรียกว่า “อเทวนิยม” ศาสนาพุทธและศาสนาเชน โดยทั้งสองศาสนานี้เกิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน และในประเทศเดียวกันคือประเทศ อินเดีย ทั้งสองศาสนานี้เชื่อในองค์พระศาสดาเช่นกัน โดยคำสอนของศาสนาก็ยังสอนเชื่อในเรื่องของคุณงามความดี ที่มนุษย์ต้องเป็นผู้กระทำและกำหนดวิถีชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่พระเจ้าหรือสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ใดเป็นผู้กำหนด อย่างไรก็ดียังมีลัทธิความเชื่ออีกมากมายที่ไม่ถึงขั้นเป็นศาสนา แต่ก็มีผู้คนให้ความศรัทธาอีกเป็นจำนวนมาก ลัทธิต่างๆเหล่านี้ก็มีทั้งที่แตกความ เชื่อออกมาจากศาสนาหลักๆและที่สถาปนาความเชื่อแบบอิสระขึ้นเอง ลัทธิทั้งหลายนี้มีมากมายนับพันนับหมื่นหรือน่าจะนับแสนๆลัทธิเลยทีเดียว และยังมีผู้คนอีกจำนวนมากมหาศาลอีกเช่นกันทั่วทั้งโลกที่ไม่นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งหรือแม้แต่ลัทธิใดๆเลย คนจำพวกนี้มีทั้งที่เป็นพวกอิสรนิยมและที่สร้างความเชื่อเฉพาะตัวในการดำเนินชีวิตขึ้นมาเอง
                สำหรับในประเทศไทยถึงแม้จะนับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลักนั้น แต่ความเชื่อในศาสนาของคนไทยส่วนใหญ่กลับเป็นความเชื่อผสมผสานระหว่างศาสนาพุทธกับการรับอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูในเรื่องของพิธีกรรมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามาใช้ในวิถีชีวิตประจำวันของเราด้วย ไม่ได้ดำเนินไปตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ให้พึ่งตัวเองไม่ใช่คอยพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด
              องค์ประกอบของศาสนา
  1. สิ่งเคารพสูงสุด
  2. ศาสดา
  3. คัมภีร์
  4. ผู้สืบทอด
  5. ศาสนสถาน
  6. สัญลักษณ์
  7. พิธีกรรม
พัฒนาการของศาสนา
                มีความเชื่อว่าศาสนานั้นเกิดมาจากความต้องการเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ นับแต่อดีดมนุษย์จะสงสัยว่าสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทำไมต้องเกิดขึ้น จะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ เปลี่ยนแปลงแล้วจะเกิดผลอะไรต่อมาอีก จนนำมาสู่การค้นหาแนวทางต่างๆเพื่อตอบปัญหาเหล่านี้ จนนำมาเป็นความเชื่อและเลื่อมใส ตัวอย่างเช่นศาสนาพุทธ เกิดจากเจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นความทุกข์ จึงทรงหาแนวทางให้หลุดพ้นจากความทุกข์ ด้วยวิธีการต่างๆนานา จนทรงค้นพบอริยสัจ 4 ด้วยวิธีที่ เป็นการฝึกจิตด้วยสติจนถึงซึ่งความรู้แจ้ง ในสรรพสิ่ง และความดับความทุกข์ ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดับสิ้นซึ่งกิเลส ทรงสอนให้มนุษย์ ให้ทำบุญ รักษาศีล และภาวนา เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการพ้นทุกข์ของมหาชน อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาในปัจจุบัน คำอธิบายของการเกิดขึ้นและพัฒนาการของศาสนา สามารถแบ่งได้เป็นสี่กลุ่ม
  • ศาสนาเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นจากความกลัว ในธรรมชาติที่ตนเองไม่รู้ จนต้องวิงวอนและร้องขอในสิ่งที่อยากได้
  • ศาสนาเกิดจากความไม่รู้สงสัย ในอภิปรัชญาว่าโลกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และจะเป็นเช่นไรต่อไป
  • ศาสนาเกิดจากความต้องการที่จะสร้างความเชื่อขึ้นมา เพื่อช่วยควบคุมความประพฤติของคนในสังคม ให้สังคมสงบสุข
  • ศาสนาเกิดจากความต้องการที่จะพ้นจากความทุกข์ เช่นความอดอยาก โรคระบาด ความแก่ ความตาย การสูญเสีย

ปรัชญาศาสนา

      ศาสนาของโลกถ้าแบ่งตามลักษณะปรัชญาที่คล้ายคลึงกัน แบ่งได้ 2 ลักษณะ

ศาสนาที่ยึดถือพระเจ้าเป็นสิ่งสูงสุด

           กลุ่นศาสนาที่นิยมเรียกว่า ปรัชญาตะวันตก โดยถือตามอิทธิพลในการรับอารยธรรม ได้แก่ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ศาสนายูดาย (ยิว) ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาซิกข์ ศาสนาบาไฮ ศาสนาฮินดูศาสนาพราหมณ์ (แบบเก่า) ศาสนากลุ่มนี้มีลักษณะที่คล้ายกันคือ

  • พระเจ้าคือสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาสูงสุด ที่ไม่อาจเข้าถึงได้ ถ้าพระองค์ไม่ประสงค์
  • ศาสนิกต้องแสดงความรักหรือภัคดีต่อพระเจ้าด้วยการสรรเสริญ ปฏิบัติตามที่พระองค์ประสงค์ที่ได้ตรัสผ่านศาสนทูตของพระเจ้า
  • อาจขอให้ทรงไถ่บาป อ้อนวอนให้ทรงประทานสิ่งที่ดีแก่ชีวิต
  • เชื่อว่าทรงเป็นพระผู้สร้าง สร้างสรรพสิ่ง กำหนดสภาวการณ์ที่เป็นไปของโลก แต่ทรงปล่อยให้มนุษย์เลือกทางแห่งตนเอง โดยจะทรงช่วยเมื่อมนุษย์ลงมือกระทำ
  • ก่อนที่จะเชื่อให้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เมื่อเชื่อแล้วอย่าสงสัย เพราะพระเจ้าจะทรงทดสอบจิตใจในศรัทธา
  • เมื่อถึงวันสิ้นโลกพระเจ้าจะทำลายทุกสิ่ง ที่พระองค์สร้างขึ้น และจะชุบชีวิตทุกคนให้ฟื้นคืนชีพมารับฟังคำพิพากษา ผู้เชื่อจะรอด และอยู่กับพระองค์ชั่วนิรันดร์ ผู้ไม่เชื่อ จะถูกลงทัณฑ์ให้ตกนรกชั่วกาล
  • ให้วางใจในพระเจ้า รับพระองค์เข้าไว้ในใจจะพบแต่สันติสุข

ศาสนาที่มุ่งเข้าถึงความจริงสูงสุด

            กลุ่มศาสนาที่นิยมเรียกว่าปรัชญาตะวันออก โดยถือตามอิทธิพลในการรับอารยธรรม ได้แก่ศาสนาพุทธทั้งเถรวาท นิกายเซนและวัชรยาน ศาสนาเชน ลัทธิเต๋าและลัทธิขงจื๊อ ศาสนากลุ่มนี้มีลักษณะที่คล้ายกันคือ

  • เชื่อว่าโลกนี้เกิดขึ้นเองตามกฎธรรมชาติ สรรพสิ่งแท้จริงเป็นเพียงความว่างเปล่า
  • ความจริงแท้ไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำพูด และไม่อาจเข้าถึงได้ด้วยหลักตรรกะและอนุมาน
  • การเข้าถึงความจริงแท้ทำได้ด้วยการบรรลุปัญญาญาณ จากการไม่ติดอยู่ในมายาของตรรกะและอนุมาน
  • เชื่อในการเวียนว่ายตายเกิด เชื่อในกฎแห่งกรรม
  • มีหลักคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ที่มักน้อยสันโดษพอเพียง ยึดถือหน้าที่ มีวันัยสูงไม่เห็นแก่ตัว แต่ไม่ยึดติดในสิ่งทั้งปวง มุ่งละกิเลส
  • เชื่อในตัวมนุษย์ว่าเข้าถึงความจริงได้ ทุกสิ่งเกิดจากการกระทำของตนเอง เชื่อในศาสตร์ลี้ลับ (เวทมนตร์ โหราศาสตร์ ไสยศาสตร์) ว่ามีจริง
  • เชื่อว่าถ้าจิตวิญญาณเข้าถึงความจริงสูงสุดจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

         ทั้งสองกลุ่มมีความเชื่อที่ไม่เหมือนกันคือกลุ่มแรกยอมรับว่าองค์สูงสุดมีอยู่จริง เช่นศาสนาคริสต์และอิสลามเรียกองค์สูงสุดว่าพระเจ้า ผู้นับถือมีเป้าหมายเพื่อการเข้าไปรวมอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า ส่วนกลุ่มหลังเช่นศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ไม่ยอมรับการมีอยู่ของพระเจ้าหรือองค์สูงสุด แต่เชื่อในการมีอยู่ของเทพเจ้า (เหล่าพรหมา) ซึ่งเป็นเทวดาชั้นสูงสุดเรียกว่าพรหม แต่ต่างกันตรงที่ผู้ที่นับถือศาสนาศาสนาพุทธไม่มีเป้าหมายเพื่อการไปรวมอยู่กับพรหม แต่สามารถไปเกิดเป็นพรหมได้ เพราะการรวมอยู่หรือไปเกิดเป็นพรหม เมื่อหมดเหตุปัจจัยก็ยังต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ อันมีต่ำสุดคือนรก สูงสุดคือพรหม อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทางที่จะหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้จึงมีทางเดียวเท่านั้นคือ นิพพาน

       ศาสนาในโลกถึงแม้จะมีมาก แต่ถ้าจัดเป็นประเภทก็ได้เป็น 2 ประเภท คือ

 เทวนิยม

         เชื่อว่ามีเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าเทพเจ้าทั้งหลาย หรือเรียกกันว่าพระเจ้า มีพระเจ้าสูงสุด เพียงพระองค์เดียว พระองค์เป็นผู้สร้างโลกและสรรพสิ่งและเชื่อกันว่าพระเจ้าอาจติดต่อมนุษย์ โดยผ่านศาสดาพยากรณ์หลายองค์ เช่น พระอัลเลาะห์ ทรงติดต่อกับท่านนบีมุฮัมหมัด พระยะโฮวาห์ ทรงติดต่อกับ ท่านโมเสส และพระเยซู ส่วนบางศาสนาก็นับถือพระเจ้า หรือเทพเจ้าหลายองค์ อย่าง ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เชื่อว่าพระเจ้าอวตารแยกเป็น3องค์ เป็นต้น ศาสนาแบบเทวนิยม ได้แก่

อเทวนิยม

        ศาสนาประเภทนี้ ไม่เชื่อในการมีอยู่จริงของพระเจ้า โดยเชื่อว่าโลกและสรรพสิ่งเกิดขึ้นเองตามกฎของธรรมชาติ เชื่อว่ามนุษย์เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตนเอง ทุกสิ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย ศาสนาประเภทนี้ ได้แก่

ศาสนาที่ตายแล้ว

ศาสนาในโลกอาจแบ่งเป็นศาสนาที่ยังมีชีวิตอยู่ ศาสนาที่ตายแล้ว และศาสนาที่สาบสูญ

  1. ศาสนาที่ยังมีชีวิตอยู่ คือศาสนาที่มีความเป็นสถาบันมีองค์กร มีผู้นับถือเป็นจำนวนมากพอประมาณ มีระบบคำสอน ได้แก่ศาสนาในโลกปัจจุบัน
  2. ศาสนาที่ตายแล้ว คือศาสนาที่เคยมีผู้นับถือ แต่ปัจจุบันแทบไม่มีคนนับถืออีกแล้ว แต่ยังมีหลักฐานให้เรารู้ว่าเคยมีศาสนานี้อยู่ในโลกมาก่อน
  3. ศาสนาที่สาบสูญ คือศาสนาที่เราไม่มีข้อมูลให้รู้ว่าเคยมีศาสนานี้อยู่ในโลกมาก่อน

ศาสนาที่ตายแล้ว

  • ศาสนาอียิปต์โบราณ
  • ศาสนาเปรูโบราณ
  • ศาสนาเม็กซิโกโบราณ
  • ศาสนามิถรา
  • ศาสนามาณิกิ
  • ศาสนาบาบิโลเนี่ยน
  • ศาสนาสุเมอเลี่ยน-อัคคาเดียน
  • ศาสนาฮิทไทท์
  • ศาสนากรีก
  • ศาสนาโรมัน
  • ศาสนาเซลติก
  • ศาสนาสแกนดิเนเวีย-ติวตันโบราณ

ศาสนาในโลกปัจจุบัน

 ลัทธิ

จำนวนผู้นับถือศาสนาและลัทธิต่างๆ


    ไฟล์:Religious syms.png
สัญลักษณ์ของศาสนาต่าง ๆ



6 ความคิดเห็น:

  1. วาติกันได้ยอมรับอย่างชัดเจนว่าอิสลามนั้นคือศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก

    kayhannews.ir : สำนักวาติกันได้ประกาศในคำแถลงการณ์หนึ่งว่า นับจากช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาจวบจนถึงขณะนี้ จำนวนผู้นับถือศาสนาอิสลามได้แซงหน้าผู้นับถือศาสนาคริสต์ไปแล้วถึง 3 ล้านคนซึ่งสิ่งนี้เกิดจากการที่ชาวตะวันตกได้หันมานับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนมาก

    บนพื้นฐานของคำแถลงการณ์นี้ แม้จะมีการโฆษณาชวนเชื่อของตะวันตกในการใส่ร้ายและต่อต้านอิสลามก็ตาม แต่การเข้ารับอิสลามของประชาชนชาวตะวันตกกลับมีจำนวนมาก และในปัจจุบันนี้สถิติประชากรชาวมุสลิมในโลกได้ทะลุจำนวน 1,322 ล้านคนไปแล้ว ซึ่งตามสถิตินี้จำนวนประชากรชาวมุสลิมมีมากกว่าชาวคริสต์ถึง 3 ล้านคน

    คำแถลงการณ์นี้ได้กล่าวเสริมว่า ในช่วงหลายปีหลังนี้ แม้จะมีการโฆษณาชวนเชื่อทำลายและต่อต้านอิสลาม ประกอบกับมีการใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลในการเผยแพร่ศาสนายูดายก็ตาม แต่การเข้ารับศาสนาอิสลามก็มีจำนวนสูงมาก และสิ่งดังกล่าว(หมายถึงการเข้ารับอิสลาม)นี้ก็สามารถพบเห็นได้แม้แต่ในหมู่ผู้นับถือศาสนาคริสต์และศาสนายูดายเอง

    ตามการรายงานของเว็บไซต์ “อัลมุคตะซ็อร” คำแถลงการณ์นี้ได้ถูกเผยแพร่ในสภาวะเงื่อนไขที่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ประชาชนชาวเมืองต่างๆของประเทศอิตาลีจำนวนหลายพันคนได้มีการเดินขบวนประท้วงต่อต้านการแบ่งแยกเชื้อชาติที่กระทำต่อชาวมุสลิม และในเมืองฟลอเรนซ์นั้นมีประชาชนจำนวนมากกว่า 7,000 คนได้มารวมตัวกันที่จัตุรัสศูนย์กลางของเมืองเพื่อที่จะประณามการเหยียดเชื้อชาติต่อชาวมุสลิม

    ตอบลบ
  2. ทุกศาสนา ย่อมสอนให้ทุกคนเป็นคนดี

    ตอบลบ
  3. ทุกศาสนา ย่อมสอนให้ทุกคนเป็นคนดี

    ตอบลบ
  4. ศาสนาใดถูกต้อง ? ศาสนาอะไรดีที่สุด ? ศาสนาไหนคำสอนดีที่สุด ? เชิญอ่านและศึกษาใน Blog นี้
    http://aboutbestandcorrectreligion.blogspot.com/

    ตอบลบ
  5. คนเป็นได้ทั้งมารและพระ(พุทธ)เจ้าซึ่งแตกต่างกันแค่มารนั้นคือการไม่รู้ในภาวะการอิงอาศัย/อาศัยสิ่งอื่นจึงเกิดเป็นขึ้นมา/การเปลี่ยนกลาย/การไม่นิ่ง/การไม่คงทน/ของชั่วคราว/การเคลื่อน /การเจริญ/การพัฒนาฯ ซึ่งดูได้จากสิ่งรอบตัวและการรับรู้ การคิด การโต้ตอบของจิต(สมองเส้นประสาท)ที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว หรือคนอาจเป็นเพียงแค่ความสั่นสะเทือนขนาดจิ๋วที่อยู่ภายใต้ความสั่นสะเทือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของดวงอาทิตย์. ล้อมรุ้งครึ่งเดือน

    ตอบลบ